
ทำอย่างไรให้เล่นหุ้นแล้วไม่ขาดทุน?' คำตอบคงมีอย่างเดียวคืออย่าขายถูกกว่าที่ซื้อมา แต่ตลาดของจริงไม่ง่ายอย่างนั้น ผู้เล่นจำเป็นต้องเตรียบรับมือกับความผันผวนและสิ่งไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะการเล่นหุ้นหรือการลงทุนนั้นเหมือนอาชีพทั่วไป เงินที่หามาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆก็อาจหายไปได้ในชั่วข้ามคืนเช่นกัน
"ผมสำเร็จได้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวสอนให้ผมรู้จักตัวเอง"
คำพูดของ คุณแพท ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่เชื่อว่าความสำเร็จไม่ใช่ครูที่ดี ความล้มเหลวต่างหากที่ทำให้คนสำเร็จ เป็นแรกผลักดันให้วันนี้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นหุ้นแถวหน้าของเมืองไทย
ปัจจุบันคุณแพทอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด อีกทั้งยังเป็นนักเขียน Best Sellerและวิทยากรที่ให้ความรู้ถึงแก่นแท้ของการเป็นนักลงทุน
อะไรทำให้สนใจ "ตลาดหุ้น"
หลังจากประสบวิกฤติในธุรกิจร้านอาหารที่ประเทศออสเตรเลีย คุณแพทกลับมาประเทศไทยและเริ่มทำงานด้านวิเคราะห์การเงินให้กับธนาคารกรุงเทพฯ ทำให้เริ่มศึกษาด้านการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างจริงจัง การได้สัมผัสกับนักลงทุนรุ่นใหญ่และการศึกษาตลาดทำให้รู้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนส่วนใหญ่อยากได้ความรวยแต่ไม่มีความเข้าใจในหุ้น ผมมองเรื่องเงินออมต่างจากคนอื่น การทำงานแล้วนำเงินก้อนใหญ่ไปฝากธนาคารตามคำสอนของคนสมัยก่อนนั้นไม่ผิด เพราะสมัยก่อนดอกเบี้ย 12 เปอร์เซ็นต์ ถ้าฝากเงิน 1 ล้านบาทก็จะกลายเป็น 1,000 ล้านบาทในระยะเวลา 60 ปี แต่ปัจจุบันนี้ดอกเบี้ยแค่ 0.7 เปอร์เซ็นต์ หากฝากเงินเข้าธนาคาร 1 ล้านบาทในระยะเวลาเท่ากัน เงินจะเพิ่มเข้ามาเป็นหลักแสนเท่านั้น ตลาดหุ้นจึงคำตอบที่ผมให้ความสนใจ แรกเริ่มผมก็ช่วยดูแลพอร์ตของทางบ้านก่อน พอทำได้ดีจึงได้รับความไว้วางใจให้ดูแลพอร์ตใหญ่หลายล้านบาทของครอบครัว การแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ของเซียนหุ้นพันล้าน บล็อก Pawawit Stock Comment เกิดขึ้นในปี 2008เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องการลงทุน ซึ่งมีทั้งประสบการณ์การทำธุรกิจที่เคยผ่านมาและมุมมองทางด้านธุรกิจ ทำให้มีคนติดตามอ่านเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งได้รู้จักกับผู้บริหารของเว็บไซต์สต็อกทูมอร์โรว์ (stock2morrow.com) จึงเป็นที่มาของการออกหนังสือเล่มแรกในชื่อ "แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้านแบบ buffet" ซึ่งติดอับดับหนังสือขายดีในทันที วันนี้สื่อออนไลน์มันเปลี่ยนโลก หากใช้อย่างถูกวิธีจะทำให้เรากลายเป็นสื่อเดินได้ อย่างผมก็กลายเป็นที่รู้จักจากโซเชียลเน็ตเวิร์ค คอนเทนต์ในในบล็อกนั้นจะมีทั้งเรื่องหุ้นและเรื่องชีวิต ผมมองมันเหมือนเป็นไดอารี่ ของความผิดพลาด ผมเริ่มมาจากล้มเหลว เพราะคนที่จะรวยในตลาดหุ้นนั้นไม่ได้รวยทันที ตลาดหุ้นเป็นเหมือนการปลูกต้นไม้ไม่ใช่การปลูกถั่วงอก สิ่งสำคัญคือต้องรู้ตัวเอง ต้องเรียนรู้ว่าจะล้มอย่างไรไม่ให้เจ็บตัวหรือเรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยงการล้ม
"มุมมอง" ที่กำหนดอนาคตในยุคดิจิตอล
ตอนนี้คนรุ่นใหม่เริ่มสนใจลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้สนใจที่จะศึกษาหาความรู้ด้านนี้มากขึ้นทั้งทางปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์กิจการ รวมถึงการใช้เครื่องมือทางเทคนิค เพราะธุรกิจที่จะทำให้คนประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่ธุรกิจแบบดั้งเดิมแล้ว แต่จะเป็นธุรกิจที่อำนวยความสะดวกหรือแก้ปัญหาให้คน ที่สำคัญคือต้องมีนวัตกรรมการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้ต่างจากรูปแบบเดิม เช่นบริษัทกูเกิ้ล ที่สามารถเติบโตจากกลุ่มคนหนุ่มภายในระยะเวลาเพียงสิบปี ในยุคที่โลกเปลี่ยนไปเราก็ต้องปรับตัวให้ทัน เรื่องของ Generation ก็ส่งผลต่อคนมาก เพราะแนวคิดจะแตกต่างกันออกไป อย่างคนรุ่นผมที่อยู่ใน Gen Yสังเกตุได้ว่าคนกลุ่มนี้จะเรียนสูง เนื่องจากสื่อสภาพแวดล้อมนั้นอยู่บนโซเชียลมีเดีย ทำให้การรับรู้เปิดกว้างมากขึ้น แตกต่างจากสมัยก่อนที่สามารถหาความรู้ได้จากตำราให้ห้องสมุดเพียงอย่างเดียว แต่สมัยนี้แค่ใช้สมาร์ทโฟนเปิดกูเกิลก็ได้รับข้อมูลที่มีอยู่มหาศาล และใครที่สามารถนำข้อมูลที่อยู่บนโลกออนไลน์มาเชื่อมเข้าด้วยกัน และวิเคราะห์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ คนๆนั้นจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
แนวคิด "ยิ่งให้...ยิ่งได้" ประตูสู่ความสำเร็จ หลักการที่ทำให้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้คือ“ยิ่งให้...ยิ่งได้” เพราะบนสังคมออนไลน์นั้นไม่มีใครได้อะไรตั้งแต่เริ่มต้น เราจึงต้องเริ่มจากการให้ก่อน อย่างคนที่เข้ามาในบล็อกของเราก็ได้ความรู้อย่างที่เขาต้องการ ถึงตอนนี้จะปรับเปลี่ยนจากบล็อกมาอยู่ในรูปแบบแฟนเพจบนเฟสบุ๊คแล้ว แต่หัวใจของคอนเทนต์ยังเหมือนเดิม อาจจะสั้นลงบ้างตามพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ที่ติดตามคอนเทนต์สั้นลงแต่ยังครอบคลุมใจความสำคัญอยู่ เป็นการถ่ายทอดความรู้เรื่องการลงทุนในระดับวิธีคิด ให้คนมีความเข้าใจการลงทุนและสามารถนำไปใช้ลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ไม่ใช่การบอกให้ลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งด้วยเหตุผลที่ว่า “คนที่จะสำเร็จต้องเรียนรู้วิธีคิดจากคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช้เรียนแบบวิธีการของเค้า เพราะนั้นจะไม่ทำให้คุณรวย” เพราะไม่มีการลงทุนอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง มีแต่การเข้าใจความเสี่ยงที่จะช่วยให้สามารถบริการความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนได้อย่างคุ้มค่า
เคล็ดลับของผู้ให้ คือทำให้ผู้รับเจริญ และเมื่อเรา 'ให้' ด้วยระยะเวลาที่นานพอ ผลลัพธ์จะกลับคืนสู่ผู้ให้เป็นหลายเท่าทวีคูณ แต่คนส่วนใหญ่ 'ให้' ไม่นานพอ จึงมองว่าการให้คือสิ่งที่สูญเปล่า" อะไรคือแรงบันดาลใจ คนเก่ง อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จและร่ำรวยทุกคน ขึ้นอยู่กับว่าความสามารถของเรานั้นอยู่ถูกที่ถูกเวลาหรือไม่ ดังนั้นเราต้องค้นหาตนเองก่อนว่าเราทำอะไรได้ดีและผลักดันจุดดีนั้นให้ก้าวต่อไป จากนั้นความสำเร็จจะก้าวมาหาเราเอง
คุณแพท เล่าต่ออีกว่า iOS คงเป็นคำตอบของธุรกิจที่เป็นแรงบันดาลใจ อาจไม่ใช่ในแง่ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด แต่เป็นแง่ของความกล้าที่จะทำตลาด เพราะแต่เดิมโนเกียเป็นแบรนด์ที่ครองตลาดโทรศัพท์มือถือทั่วโลก โดยที่แบรนด์อื่นที่พัฒนามาก่อนก็ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ แต่ iOS กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนของตลาดสมาร์ทโฟนจนสามารถขึ้นมาครองตลาดได้ แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดในทุกๆด้าน หรือทุกสาขาอาชีพนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น ยังมีช่องทางให้เราสามารถเติบโตได้อีก ขึ้นอยู่กับว่าเราเจอช่องทางนั้นหรือไม่เท่านั้น
ฝากกลยุทธ์ถึงนักลงทุนสายพันธ์ใหม่
ผมมองว่าอีกหน่อยอินเตอร์เน็ตอาจจะเป็นเหมือนไฟฟ้า มันจะเข้าอยู่กับเราโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวว่ามันมี รวมถึงจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์เราทั้งหมด เกินครึ่งของชีวิตเราจะดำรงอยู่ในโลกออนไลน์ที่ช่วยสร้างความรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด ทำให้คนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จง่ายขึ้น และที่สำคัญยังต้องมีอีก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. เก่ง โดยที่ความเก่งนี้ไม่ใช่แค่มีปัญญาแต่ต้องเป็นความรู้ที่เหมาะกับตนเอง 2. กล้า คือต้องกล้าทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่บอกว่าไม่ดี และสิ่งสุดท้ายคือ 3.ความอดทน ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามนั้นไม่มีทางรวยในทันที จึงต้องมีความอดทนในการฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้น
เช่นเดียวกับการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะตลาดหุ้นมันเป็นกระจกสะท้อนความโลภและความโง่ของเราเอง ถ้าเรายอมรับความผิดพลาดแล้วเรียนรู้ เราก็จะพัฒนาตัวเองแล้วก้าวสูงขึ้นไปสู่จุดหมายของเราได้ ...ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ขอให้ดีที่สุดในจุดที่ยืน คุณแพท กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment