กระชากหน้ากากเจ้ามือในตลาดหุ้น
มี 5 พฤติกรรมปั่นหลอกแมงเม่าเข้าปิ้ง เผยวิธีดู Bid-Offer ที่จะได้รู้ทันเจ้ามือ เอกยุทธเตือนรายย่อยเล่นหุ้น อย่าโลภ-อย่าเป็นเสือหวน
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท
กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่าอยากแนะนำวิธีในการพิจารณาดู Bid-Offer
(ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) ให้กับนักลงทุนรายย่อยว่า จะมองอย่างไรถึงจะรู้ว่า
ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้น-วิ่งลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดขอยืนยันว่า
ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว
แต่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่ศึกษาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่คลุกคลีอยู่ในแวดวง
ตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เห็นภาพอะไรบางอย่างชัดเจนว่า
ตลาดหุ้นแต่ละประเทศจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน
โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นในเมืองไทยที่ต้องยอมรับกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภาย
ใต้การกำหนดเกมของเจ้ามือเป็นหลัก
จึงจะขอวิเคราะห์จากตลาดเมืองไทยเป็นหลัก และนี่ก็ไม่ใช่ตำราที่จะนำไปใช้อ้างอิงใดๆ เป็นเพียงมุมมองของคนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้น ที่ไม่อยากให้นักลงทุนรายย่อยทั้งหลายต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะให้เจ้ามือ ทั้งหลายกอบโกย.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้ามือที่อาศัยฐานอำนาจรัฐมาเป็นเกราะป้องกันให้ตัว เอง สร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ระทมของคนอื่นนายเอกยุทธกล่าว
สำหรับ 5 หลักการคร่าวๆ ที่ขอแนะนำให้นักลงทุนรายย่อยได้พึงสังเกตพฤติกรรมและวิธีการเล่นของเจ้ามือ ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากหุ้นแต่ละตัวนั้น จะมีปัจจัยพื้นฐานและความน่าสนใจที่แตกต่างกัน จึงต้องมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้.
1.พฤติกรรมย่ำราคา
โดยสังเกตได้จาก Bid ด้านซ้าย จะหนามากๆ และมีปริมาณการซื้อ-ขายที่มาก ในระดับราคาที่ยืนอยู่นิ่งๆ นานๆ โดยแนะนำให้สังเกตดูเป็นรายชั่วโมง เพราะจะสามารถแยกรูปแบบการเล่นนี้ ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1.1 ย่ำราคาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
จะเป็นการสร้าง Volume แบบหนามากๆ ตลอดเวลา
โดยราคาไม่ได้พุ่งขึ้นตามไป ถือว่าเป็นการโชว์ให้นักลงทุนได้เห็นว่า
หุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะเล่นกันในระยะเวลาอันใกล้นี้
เปรียบได้กับเป็นอีกรูปแบบที่เจ้ามือทยอยเก็บของ
เพราะหากเจ้ามือซัดช่องขวาเข้าไปเมื่อไหร่ ราคาจะวิ่งขึ้นทันที
1.2 ย่ำราคาเพื่อทุบลง.
เป็นการสร้าง Volume แบบหนาๆ เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาเล่น จากนั้นหากได้จังหวะ ก็จะยก Bid ทิ้งออกไป เพื่อตบราคาให้ร่วงลงมา หากนักลงทุนรายใดตกใจ และเทขาย ของออกมา ก็จะทำให้เจ้ามือ เก็บของในราคาที่ถูกลงได้อีก พฤติกรรมย่ำราคานี้ ให้สังเกตดีๆว่าจะมี Volume หนาแน่นมาก 2-3 ช่องในด้านซ้าย (Bid) ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
2.พฤติกรรมสร้าง Volume มากๆ แบบผิดสังเกต โดยที่ราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อาจขึ้น-ลง แค่ 1-2 ช่อง
วิธีนี้ให้นักลงทุนรีบย้อนหลังกลับไปดู Volume การซื้อ-ขายอย่างต่ำ 1-2 เดือน เพราะหากดูประวัติย้อนหลังแล้วพบว่า Volume การซื้อ-ขายน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยนั้น แต่อยู่ๆ กลับมีขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ถือว่า “เจ้ามือ กำลังสร้าง Volume เพื่อเตรียมทำราคา วิธีการนี้หากนักลงทุนรายใด มีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ในมือก็ให้ท่องจำอยู่ในใจว่าอย่าขายเด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะทำราคากันขึ้นไปเล่นในเร็ววัน พฤติกรรมสร้าง Volume หนักๆ เช่นนี้ โดยราคายังนิ่งๆ ทั้งที่แต่เดิม Volume ของหุ้นนั้นแทบจะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย ทำให้นักลงทุนบางคนอาจตื่นตระหนกแล้วรีบเทขายออกมาเพราะเห็นว่า หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นี้ราคาไม่ได้วิ่งมานาน จึงกลัวจะต้องถือยาวกว่านี้ เมื่อเทขายหุ้นออกมาก็เข้าทางเจ้ามือที่วางกลอุบายเอาไว้แล้ว และสามารถเก็บของได้เพิ่มขึ้นอีก
3.พฤติกรรมลากไปติดดอย
มีวิธีสังเกตคือฝั่ง Offer จะหนามาก ในขณะที่ Bid
จะเบาบาง และมีราคาวิ่งขึ้นตลอดถือว่าเป็นยุทธวิธีที่
เจ้ามือวางกับดักล่อ โดยจะกินช่องขวา (Offer)
ตลอดเมื่อมีคนแห่เข้ามาเล่นตามในช่องขวาเป็นจำนวนมากถึงจุดหนึ่งที่เจ้ามือ
จะออกของก็จะไล่ราคาร่วงลงมาได้ในทุกระดับ
เพราะเจ้ามือสามารถออกของได้ทุกระดับราคาอยู่แล้วโยนออกมาไม้ไหนก็มีแต่กำไร
พฤติกรรมนี้ ให้นักลงทุนสังเกตให้ดีๆ ว่า
หากมีการไล่ราคาในช่องขวา (Offer) ขึ้นไปกันหลายช่องและวิ่งขึ้นตลอด
อย่าเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะถ้าเข้าไปก็มีสิทธิติดยอดดอยกันได้
วิธีที่ดีที่สุดคือ รอให้มีการทุบราคาลงมาจนเห็นสีแดงนานๆ
ก็อาจเข้าไปซื้อได้
แต่ต้องดูประวัติย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆด้วยว่าน่าเล่นหรือไม่
4.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นตลอด
ให้สังเกตว่า Volume ทั้งด้านซ้าย (Bid) และด้านขวา (Offer) จะหนามากๆ และตลอดเวลา อีกทั้งราคาจะมีการวิ่งขึ้น-ลง วันละ 10-20 ช่องตลอด ซึ่งรูปแบบการเล่นเช่นนี้ ขึ้นกับนักลงทุนเองว่าจะมีความเร็วในการเข้า-ออก หรือไม่ เพราะราคาจะสวิงขึ้น-ลงตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษคือหากราคาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับไหน นานๆ ให้ตระหนักไว้เลยว่า มีสิทธิที่จะลากขึ้นไปไกล หรือทุบลงมาอย่างแรงได้ทั้งสองทาง จึงขึ้นกับความไวของตัวนักลงทุนเอง
วิธีนี้ขึ้นกับตัวเจ้ามือแล้วว่า จะทำให้นักลงทุนติดยอดดอยกันในระดับราคาไหน เพราะเขาสามารถออกของได้ทุกระดับราคา จากนั้นเมื่อทุบร่วงลงมาก็จะเข้าไปช้อนซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็จะนำกลับมาเล่นกันใหม่ หุ้นลักษณะนี้จะพบว่ามีการเล่นกันตลอดทั้งสัปดาห์ อาจมีหยุดบ้างก็ 1-2 วัน แต่ Volume ก็ยังมีให้เห็นอยู่
5.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นเป็นรอบ
วิธีนี้จะเล่นกันสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งจึงขอให้นักลงทุนต้องย้อนกลับไป ดูประวัติย้อนหลังของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำสุดที่นิ่งนานๆ บวกกับการดูราคาที่วิ่งขึ้นไปสูงสุดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาหารครึ่งเพื่อดูราคาว่าระดับไหนถึงจะซื้อได้ ตัวอย่างเช่นหากหุ้นตัวนั้นเคยอยู่ที่ระดับต่ำนิ่งๆ ประมาณ 4 บาท แต่มีการทำราคาไล่ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 12 บาท ดังนั้นราคาที่เหมาะสมที่น่าจะซื้อได้จึงอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหุ้น (12-4 = 8) พฤติกรรมการเล่นเป็นรอบนี้ นักลงทุนต้องพึงระวังว่าเจ้ามืออาจจะกลับมาเล่นหรือไม่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับความน่าสนใจของหุ้นตัวๆ นั้นว่า เป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือไม่
นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า วิธีการทั้งหมดนี้อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เวลาในการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด ตนไม่สามารถยตัวอย่างหุ้นเป็นรายตัวออกมาให้เห็นได้ เพราะเกรงจะมีข้อกฎหมายตามมาภายหลัง แต่เชื่อว่าหากนักลงทุนที่เล่นหุ้นกันอยู่ในตลาดหุ้นไทย คงรับทราบดีว่า หุ้นตัวไหนเป็นหุ้นที่เข้าข่ายใดใน 5 พฤติกรรมข้างต้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเราเองจะเล่นแบบไหนและจะสังเกตวิธีการที่เจ้ามือเล่น กันได้อย่างไร แต่ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องพึงระลึกว่าอย่าโลภถ้าอยากเล่นหุ้นปั่น หากได้กำไรแค่ไหนจงนึกเสมอว่า...อย่าเป็นเสือหวนเด็ดขาด เชื่อว่า หากนักลงทุนเข้าใจในหลักการนี้แล้วต่อไป...บรรดาเจ้ามือ ทั้งหลายก็คงต้องมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมา เพื่อไม่ให้รายย่อยได้ตามทันมิเช่นนั้นเจ้ามือ เองก็คงไม่สามารถล่อแมงเม่าให้เข้ามาในกองไฟได้อีก โดยเฉพาะกับเจ้ามือหน้าเหลี่ยมและลูกน้องทั้งหลาย!!!นายเอกยุทธกล่าวทิ้ง ท้าย
มี 5 พฤติกรรมปั่นหลอกแมงเม่าเข้าปิ้ง เผยวิธีดู Bid-Offer ที่จะได้รู้ทันเจ้ามือ เอกยุทธเตือนรายย่อยเล่นหุ้น อย่าโลภ-อย่าเป็นเสือหวน
นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหารเครือโอเรียนเต็ล มาร์ท
กรุ๊ป ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่าอยากแนะนำวิธีในการพิจารณาดู Bid-Offer
(ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา) ให้กับนักลงทุนรายย่อยว่า จะมองอย่างไรถึงจะรู้ว่า
ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้น-วิ่งลง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดขอยืนยันว่า
ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว
แต่เป็นเพียงมุมมองหนึ่งที่ศึกษาจากประสบการณ์ส่วนตัวที่คลุกคลีอยู่ในแวดวง
ตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เห็นภาพอะไรบางอย่างชัดเจนว่า
ตลาดหุ้นแต่ละประเทศจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน
โดยเฉพาะกับตลาดหุ้นในเมืองไทยที่ต้องยอมรับกันว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภาย
ใต้การกำหนดเกมของเจ้ามือเป็นหลัก จึงจะขอวิเคราะห์จากตลาดเมืองไทยเป็นหลัก และนี่ก็ไม่ใช่ตำราที่จะนำไปใช้อ้างอิงใดๆ เป็นเพียงมุมมองของคนที่อยู่ในแวดวงตลาดหุ้น ที่ไม่อยากให้นักลงทุนรายย่อยทั้งหลายต้องตกเป็นเหยื่ออันโอชะให้เจ้ามือ ทั้งหลายกอบโกย.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้ามือที่อาศัยฐานอำนาจรัฐมาเป็นเกราะป้องกันให้ตัว เอง สร้างความร่ำรวยบนความทุกข์ระทมของคนอื่นนายเอกยุทธกล่าว
สำหรับ 5 หลักการคร่าวๆ ที่ขอแนะนำให้นักลงทุนรายย่อยได้พึงสังเกตพฤติกรรมและวิธีการเล่นของเจ้ามือ ว่าเป็นอย่างไร เนื่องจากหุ้นแต่ละตัวนั้น จะมีปัจจัยพื้นฐานและความน่าสนใจที่แตกต่างกัน จึงต้องมีรูปแบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้.
1.พฤติกรรมย่ำราคา
โดยสังเกตได้จาก Bid ด้านซ้าย จะหนามากๆ และมีปริมาณการซื้อ-ขายที่มาก ในระดับราคาที่ยืนอยู่นิ่งๆ นานๆ โดยแนะนำให้สังเกตดูเป็นรายชั่วโมง เพราะจะสามารถแยกรูปแบบการเล่นนี้ ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1.1 ย่ำราคาเพื่อเรียกร้องความสนใจ
จะเป็นการสร้าง Volume แบบหนามากๆ ตลอดเวลา
โดยราคาไม่ได้พุ่งขึ้นตามไป ถือว่าเป็นการโชว์ให้นักลงทุนได้เห็นว่า
หุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะเล่นกันในระยะเวลาอันใกล้นี้
เปรียบได้กับเป็นอีกรูปแบบที่เจ้ามือทยอยเก็บของ
เพราะหากเจ้ามือซัดช่องขวาเข้าไปเมื่อไหร่ ราคาจะวิ่งขึ้นทันที
1.2 ย่ำราคาเพื่อทุบลง.
เป็นการสร้าง Volume แบบหนาๆ เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาเล่น จากนั้นหากได้จังหวะ ก็จะยก Bid ทิ้งออกไป เพื่อตบราคาให้ร่วงลงมา หากนักลงทุนรายใดตกใจ และเทขาย ของออกมา ก็จะทำให้เจ้ามือ เก็บของในราคาที่ถูกลงได้อีก พฤติกรรมย่ำราคานี้ ให้สังเกตดีๆว่าจะมี Volume หนาแน่นมาก 2-3 ช่องในด้านซ้าย (Bid) ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
2.พฤติกรรมสร้าง Volume มากๆ แบบผิดสังเกต โดยที่ราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อาจขึ้น-ลง แค่ 1-2 ช่อง
วิธีนี้ให้นักลงทุนรีบย้อนหลังกลับไปดู Volume การซื้อ-ขายอย่างต่ำ 1-2 เดือน เพราะหากดูประวัติย้อนหลังแล้วพบว่า Volume การซื้อ-ขายน้อยมากหรือแทบจะไม่มีเลยนั้น แต่อยู่ๆ กลับมีขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ถือว่า “เจ้ามือ กำลังสร้าง Volume เพื่อเตรียมทำราคา วิธีการนี้หากนักลงทุนรายใด มีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ในมือก็ให้ท่องจำอยู่ในใจว่าอย่าขายเด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะทำราคากันขึ้นไปเล่นในเร็ววัน พฤติกรรมสร้าง Volume หนักๆ เช่นนี้ โดยราคายังนิ่งๆ ทั้งที่แต่เดิม Volume ของหุ้นนั้นแทบจะมีน้อยมากหรือไม่มีเลย ทำให้นักลงทุนบางคนอาจตื่นตระหนกแล้วรีบเทขายออกมาเพราะเห็นว่า หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นี้ราคาไม่ได้วิ่งมานาน จึงกลัวจะต้องถือยาวกว่านี้ เมื่อเทขายหุ้นออกมาก็เข้าทางเจ้ามือที่วางกลอุบายเอาไว้แล้ว และสามารถเก็บของได้เพิ่มขึ้นอีก
3.พฤติกรรมลากไปติดดอย
มีวิธีสังเกตคือฝั่ง Offer จะหนามาก ในขณะที่ Bid
จะเบาบาง และมีราคาวิ่งขึ้นตลอดถือว่าเป็นยุทธวิธีที่
เจ้ามือวางกับดักล่อ โดยจะกินช่องขวา (Offer)
ตลอดเมื่อมีคนแห่เข้ามาเล่นตามในช่องขวาเป็นจำนวนมากถึงจุดหนึ่งที่เจ้ามือ
จะออกของก็จะไล่ราคาร่วงลงมาได้ในทุกระดับ
เพราะเจ้ามือสามารถออกของได้ทุกระดับราคาอยู่แล้วโยนออกมาไม้ไหนก็มีแต่กำไร
พฤติกรรมนี้ ให้นักลงทุนสังเกตให้ดีๆ ว่า
หากมีการไล่ราคาในช่องขวา (Offer) ขึ้นไปกันหลายช่องและวิ่งขึ้นตลอด
อย่าเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะถ้าเข้าไปก็มีสิทธิติดยอดดอยกันได้
วิธีที่ดีที่สุดคือ รอให้มีการทุบราคาลงมาจนเห็นสีแดงนานๆ
ก็อาจเข้าไปซื้อได้
แต่ต้องดูประวัติย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆด้วยว่าน่าเล่นหรือไม่4.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นตลอด
ให้สังเกตว่า Volume ทั้งด้านซ้าย (Bid) และด้านขวา (Offer) จะหนามากๆ และตลอดเวลา อีกทั้งราคาจะมีการวิ่งขึ้น-ลง วันละ 10-20 ช่องตลอด ซึ่งรูปแบบการเล่นเช่นนี้ ขึ้นกับนักลงทุนเองว่าจะมีความเร็วในการเข้า-ออก หรือไม่ เพราะราคาจะสวิงขึ้น-ลงตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษคือหากราคาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับไหน นานๆ ให้ตระหนักไว้เลยว่า มีสิทธิที่จะลากขึ้นไปไกล หรือทุบลงมาอย่างแรงได้ทั้งสองทาง จึงขึ้นกับความไวของตัวนักลงทุนเอง
วิธีนี้ขึ้นกับตัวเจ้ามือแล้วว่า จะทำให้นักลงทุนติดยอดดอยกันในระดับราคาไหน เพราะเขาสามารถออกของได้ทุกระดับราคา จากนั้นเมื่อทุบร่วงลงมาก็จะเข้าไปช้อนซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็จะนำกลับมาเล่นกันใหม่ หุ้นลักษณะนี้จะพบว่ามีการเล่นกันตลอดทั้งสัปดาห์ อาจมีหยุดบ้างก็ 1-2 วัน แต่ Volume ก็ยังมีให้เห็นอยู่
5.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นเป็นรอบ
วิธีนี้จะเล่นกันสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งจึงขอให้นักลงทุนต้องย้อนกลับไป ดูประวัติย้อนหลังของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำสุดที่นิ่งนานๆ บวกกับการดูราคาที่วิ่งขึ้นไปสูงสุดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาหารครึ่งเพื่อดูราคาว่าระดับไหนถึงจะซื้อได้ ตัวอย่างเช่นหากหุ้นตัวนั้นเคยอยู่ที่ระดับต่ำนิ่งๆ ประมาณ 4 บาท แต่มีการทำราคาไล่ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 12 บาท ดังนั้นราคาที่เหมาะสมที่น่าจะซื้อได้จึงอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหุ้น (12-4 = 8) พฤติกรรมการเล่นเป็นรอบนี้ นักลงทุนต้องพึงระวังว่าเจ้ามืออาจจะกลับมาเล่นหรือไม่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับความน่าสนใจของหุ้นตัวๆ นั้นว่า เป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือไม่
นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า วิธีการทั้งหมดนี้อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เวลาในการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด ตนไม่สามารถยตัวอย่างหุ้นเป็นรายตัวออกมาให้เห็นได้ เพราะเกรงจะมีข้อกฎหมายตามมาภายหลัง แต่เชื่อว่าหากนักลงทุนที่เล่นหุ้นกันอยู่ในตลาดหุ้นไทย คงรับทราบดีว่า หุ้นตัวไหนเป็นหุ้นที่เข้าข่ายใดใน 5 พฤติกรรมข้างต้น เพื่อที่จะได้รู้ว่าตัวเราเองจะเล่นแบบไหนและจะสังเกตวิธีการที่เจ้ามือเล่น กันได้อย่างไร แต่ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องพึงระลึกว่าอย่าโลภถ้าอยากเล่นหุ้นปั่น หากได้กำไรแค่ไหนจงนึกเสมอว่า...อย่าเป็นเสือหวนเด็ดขาด เชื่อว่า หากนักลงทุนเข้าใจในหลักการนี้แล้วต่อไป...บรรดาเจ้ามือ ทั้งหลายก็คงต้องมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมา เพื่อไม่ให้รายย่อยได้ตามทันมิเช่นนั้นเจ้ามือ เองก็คงไม่สามารถล่อแมงเม่าให้เข้ามาในกองไฟได้อีก โดยเฉพาะกับเจ้ามือหน้าเหลี่ยมและลูกน้องทั้งหลาย!!!นายเอกยุทธกล่าวทิ้ง ท้าย
No comments:
Post a Comment